ครูบาอริยชาติ กับการเข้านิโรธกรรม
ครูบาอริยชาติ ได้ปฏิบัติตามแบบของโบราณจารย์ในสายครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่ง ล้านนา ในสมัยที่ครูบาชุ่ม โพธิโก อดีตเจ้าอาวาสวัดวังมุยยังมีชีวิตอยู่นั้น สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ครูบาชุ่มจะปฏิบัติคือ การเข้านิโรธสมาบัติซึ่งได้กระทำตามแบบอย่างของนักบุญแห่งล้านนาครูบาศรี วิชัย ซึ่งในเวลาต่อมาครูบาอริยชาติ ได้พบตำราปั๊บสา เป็นบันทึกการเข้านิโรธกรรมของครูบาชุ่มที่คัดมาจากครูบาศรีวิชัย อันมีใจความสำคัญในบันทึกถึงการปฏิบัติโดย เน้นธุดงค์วัตรสิบสาม และการเข้านิโรธกรรมที่ไม่เหมือนผู้ใดคือ เป็นการทำแบบลำบาก การกระทำนิโรธกรรมตามแบบฉบับของครูบาชุ่ม โพธิโกนี้ ท่านให้ขุดหลุมลึกศอกกว้างสองศอกพอดีเข่า แล้วสร้างซุ้มฟางครอบให้มีความสูงแค่เลยหัวหนึ่งศอก โดยจะยืนไม่ได้ ไม่ฉัน ไม่ถ่ายหนักเบา ฉันแต่น้ำโดยมีผ้าขาวปูสี่ผืนรองนั่ง แทนความหมายคือ อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค มีเสาซุ้ม 8 ต้น แทนความหมายมรรคแปด ยอดซุ้มปักธงฉับพรรณรังษี อันมีความหมายถึง ปัญญา ราชวัตรล้อมซุ้มมี 9 ชั้น แทนความหมายของนวโลกุตรธรรมเก้า คือ มรรคสี่ ผลสี่ นิพพานหนึ่ง รวมเป็นเก้า ซึ่งการกระทำนิโรธกรรมของท่านบางครั้งจะเข้าอยู่ 7 วันหรือ 9 วัน ส่วนใหญ่จะเข้าตามสถานที่ห่างไกลคนสัปปายะ โดยมีชาวบ้านจัดเวรยามรักษาในรัศมี 100 เมตร เพื่อป้องกันการรบกวนซึ่งก่อนที่จะทำการเข้านิโรธกรรมนั้นจะต้องมีพระสงฆ์จำนวน 5 รูป เป็นผู้รับรองความบริสุทธิ์ ซึ่งครูบาอริยชาติได้เล่าว่า การกระทำนิโรธกรรมของท่านนั้น กระทำตามแบบอย่างครูบาอาจารย์รุ่นเก่าเช่น ครูบาชุ่ม โพธิโก อีกประการท่านต้องการความสงบ เป็นการทำด้วยจิตมิใช่การแสวงหาลาภผลใดๆ
จน ต่อมาในบรรดาศิษยานุศิษย์ของท่านจะต้องเฝ้ารอว่าเมื่อใดท่านจะกระทำนิโรธรรม เพราะในความเชื่อของชาวพุทธ เราจะเชื่อกันว่าในยามใดที่มีพระสงฆ์กระทำนิโรธกรรม และเมื่อได้ออกจากนิโรธกรรมแล้ว เมื่อได้มาพบเจอและได้ทำบุญกับพระที่กระทำนิโรธกรรมนั้น จะมีผลบุญอันยิ่งใหญ่ หากอธิฐานของสิ่งใดก็จะประสบผลทุกประการ ดังนั้นในปีใดที่ครูบาอริยชาติได้เข้านิโรธกรรม และเมื่อออกจากนิโรธกรรมจะมีประชาชนจำนวนมาก เรือนหมื่นมารอรับและทำบุญกับท่าน
ขอบคุณข้อมูลจาก mongkoltep.igetweb.com