จตุคามฯรุ่นแรกพิมพ์ใหญ่
จาก วัตถุมงคลทรงกลมๆ ใหญ่ๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก รุ่นแรกอุบัติขึ้นเมื่อปี 2530 เรียกกันทั่วไปว่า "พระผงสุริยันจันทรา" แต่มาโด่งดังเป็นที่รู้จักกันในนาม "จตุคามรามเทพ" ปัจจุบันพิมพ์ใหญ่สภาพสวยๆสนนราคาเล่นหาองค์ละเป็นล้าน ส่วนพิมพ์เล็กรั้งราคาหลักแสน ของเก๊ของปลอมก็มีสร้างออกมาทดสอบสายตานักสะสมจำนวนมาก ด้วยจำนวนของแท้รุ่นแรกมีไม่เพียงพอกับความต้องการ จตุคามรามเทพรุ่นใหม่จึงทยอยสร้างออกมาอย่างต่อเนื่องรุ่นแล้วรุ่นเล่านับ พันรุ่น
หลังจากนั้นกระแสความนิยมก็เบาบางลง
ประวัติความเป็นมาของ "องค์ท้าวจตุคามรามเทพ" ตั้งแต่แรกๆ นั้น ยังไม่ค่อยหนาหูนักสะสม แต่ต่อมาถูกกล่าวขานร่ำลือแพร่ขยายออกไปในกลุ่มบุคคลต่างๆ มากขึ้น และเป็นที่ยอมรับเคารพกราบไหว้เกือบทั่วประเทศในลักษณะและเข้าใจว่าเทพผู้มี ความเมตตา ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ความที่พึงขอได้ มาอย่างง่ายเป็นอัศจรรย์
จนเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า "ขอได้-ไหว้รับ"
เดิมก่อนมีการกำเนิดหลักเมืองนครศรีธรรมราชให้กราบไหว้อยู่ในปัจจุบัน และเป็นที่มาของวัตถุมงคลจตุคามรามเทพรุ่นแรก ปี 2530 ในตอนนั้นมีความพยายามหาที่พึ่งพิงทางด้านจิตใจให้กับชาวนครศรีธรรมราช จึงมีความพยายามจะสรรหาองค์เทพประจำศาลหลักเมือง ของทีมงานคณะผู้จัดสร้าง
จตุคามฯรุ่นแรกพิมพ์เล็ก
สิ่งหนึ่งที่เล็งตามความเชื่อคือ ต้องหา ร่างทรง เป็นผู้ชี้แนะชี้นำ
บุคคลที่ถูกเอ่ยถึงในขณะนั้น เบอร์หนึ่งที่ถูกวางตัวไว้ "โกผ่อง-นายอะผ่อง สกุลอมร" เพราะเป็นคนทรงเจ้าอยู่เป็นประจำ จุดประสงค์เพื่อถามหาองค์เทพนำมาสถิตที่ศาลหลักเมืองแห่งนี้
การเชิญโกผ่องมาทรงเจ้านั้น ว่ากันว่าในทีมคณะผู้จัดสร้างศาลหลักเมืองมีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ จนกระทั่งมีการลองของกันเกิดขึ้น ทั้งบุหรี่และไฟจี้ไปที่ร่างทรง แต่สิ่งนั้นก็ไม่ทำให้ร่างทรงเป็นแผลหรือพุพองแต่ประการใด ส่งผลทำให้เกิดการยอมรับในที่สุด
โกผ่องเชิญเทพประทับทรงอยู่หลายองค์ แต่ชื่อที่เอ่ยมานั้นไม่มีระบุในประวัติศาสตร์ของเมืองนครศรีธรรมราชมาก่อน เลย จนกระทั่งมีเทพองค์หนึ่งมาประทับ หนึ่งในคณะผู้จัดสร้างศาลหลักเมืองก็ถาม ท่านมีนามว่าอะไร? เทพในร่างทรงไม่ยอมบอก แต่ขอกระดาษและปากกามาวาดรูปให้ดู
แล้วเอ่ยขึ้นว่า ถ้าพวกเอ็งอยากรู้ว่าเป็นใคร ก็เอารูปวาดไปให้อ้ายหนวดดู ซึ่งคำว่าอ้ายหนวดทุกคนรู้ทันทีว่าเป็นใคร จุดมุ่งหมายจึงตรงไปที่ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ฆราวาสจอมขมังเวท ผู้มีอาคมขลัง ผู้หลักผู้ใหญ่ของชาวนครศรีธรรมราช
พอท่านขุนพันธ์เห็นรูป ก็เอ่ยนามขึ้นทันที นี่คือรูปของ ท้าวจตุคามรามเทพ อดีตกษัตริย์แห่งอาณาจักรศรีวิชัย ผู้ปกครองนครศรีวิชัย-สุวรรณภูมิ เมื่อประมาณ 1,000 กว่าปีมาแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้นก็ได้มีการศึกษาประวัติ และตำนานต่างๆ รู้พอเข้าใจได้ว่า ท้าวจตุคามรามเทพ หรือองค์ราชัน หรือองค์พ่อ เป็นองค์เทวราชโพธิสัตว์ ผู้ปกปักรักษาอาณาจักรศรีวิชัยมาแต่ครั้งโบราณ เป็นผู้ดูแลพระบรมสารีริกธาตุที่วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช
กล่าวกันว่าท่านมีทหารกล้า 4 คน ประกอบด้วย พญาชิงชัย พญาหลวงเมือง พญาสุขุม พญาโหรา เป็นกำลังหลักในการต่อสู้ปราบปรามผู้ที่ปกครองเมืองตามพรลิงค์อยู่ก่อน
หลังจากได้รับชัยชนะได้จัดสร้างพระบรมธาตุ สถาปนาเมือง 12 นักษัตร หรือกรุงศรีธรรมโศก สืบสานพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงบนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จนได้รับการเทิดพระเกียรติให้เป็น พญาศรีธรรมาโศกราช และต่อมายังทรงเป็นพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง ซึ่งคอยดูแลพระบรมสารีริกธาตุที่วัดพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช
ก่อนจะมีการสร้างศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2530 มีการกล่าวกันว่า เมืองแห่งนี้ถูกต้องคำสาปมายาวนาน หากไม่มีการสร้างศาลหลักเมืองและจัดพิธีกรรมต่างๆ ขึ้น ทุกอย่างจะไม่ถูกการปลดปล่อย และบ้านเมืองอาจลุกเป็นไฟในที่สุด
องค์จตุคามรามเทพเท่านั้นที่จะช่วยได้ และหลักเมืองก็ต้องทำมาจากไม้ตะเคียนทองงอกอยู่ทางทิศเหนือของเมืองนครศรีธรรมราชเท่านั้น